K & S Associates

川島 & スワンモントリー アソシエイツ

วิเคราะห์สถานการณ์เครษฐกิจ สังคม และการเมืองเอเชียเป็นภาษาไทยด้วยมุมมองจากญี่ปุ่น สำหรับคนไทยโดยเฉพาะ

ทักษิณกินข้าวกับอาเบะ

เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรได้เดินมาไปญี่ปุ่นเพื่อร่วมรับประทานอาหารกับนายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายทางเศรษฐกิจ นายอาเบะขณะนี้ได้รับการสนับสนุนจากประชาชาอย่างมากเพราะผลงานบริหารเช่นการลดค่าเงินเยน การที่โตเกียวได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2020 การที่อาเบะยอมสละวันหยุดพักผ่อนของตนเพื่อมาพบปะกับทักษิณนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติเพราะเป็นการพบปะส่วนตัวไม่มีผู้อื่นร่วมโต๊ะ

                   ผู้เขียนไม่คิดว่าเรื่องนี้เป็นความคิดส่วนตัวของอาเบะเอง เพราะเขาไม่ใช่คนมีหัวด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นความคิดของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น เพราะกระทรวงฯน่าจะเห็นถึงอิทธิพลทางการเมืองที่ทักษิณยังมีต่อประเทศไทยแม้ว่าจะหนีออกจากประเทศตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหารเมื่อปี 2006 สภาพของทักษิณในขณะนี้คล้ายๆกับทานากะ คะคุเอ อดีตนายกรัฐมนตรีเมื่อเด้งจากเก้าอี้นายกฯใหม่ๆและยังชักใยการเมืองอยู่เบื้องหลัง ขณะนั้นถึอว่าเขายังมีอิทธิพลอยู่มากถึงขึ้นบรรดาคนใหญ่คนโตจากประเทศจีนเดินทางไปเยี่ยมถึงที่บ้าน

แต่ทว่าทานากะสามารถควบคุมสาวกของตนคือ ทาเคชิตะ โนโบรุ ซึ่งเป็นนายกฯต่อจากตนได้ถึง 9 ปีเท่านั้น ก็โดนสาวกผู้นี้หักหลังเสียอีก ทานากะจึงเป็นได้แค่หนูปั่นจักรโทรไปโน้มน้าวอดีตลูกน้องคนอื่นๆซึ่งก็ได้อยู่ในกำมือของผู้หักหลังหมดแล้วอยู่ดี สุดท้ายด้วยความเครียดและสิ้นหวัง ทานากะผู้นี้ก็จบชีวิตด้วยอาการเลือดคั่งในสมองล้มลงในขณะถือหูโทรศัพท์อยู่นั่นเอง

                   เรื่องดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการชักใยการเมืองอยู่เบื้องหลังเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน สามารถเกิดเหตุการณ์เช่นถูกหักหลังได้ตลอดเวลา และเจ้าตัวยังต้องเผชิญกับความเครียดและความอยากเอาชนะหน่วงเหนี่ยวไว้ ทานากะ คะคุเอ สามารถทนกับความกดดันนั้นได้อยู่ 9 ปี ขณะนี้ทักษิณก็เผชิญสิ่งเดียวกันมาถึง 7 ปีแล้ว ทักษิณจะมีจุดจบเหมือนกับที่ดำเนินตามรอยทานะกะมาตลอดหรือไม่ คงต้องดูกันต่อไป