K & S Associates

川島 & スワンモントリー アソシエイツ

วิเคราะห์สถานการณ์เครษฐกิจ สังคม และการเมืองเอเชียเป็นภาษาไทยด้วยมุมมองจากญี่ปุ่น สำหรับคนไทยโดยเฉพาะ

เกาะเสม็ดต้องกลับคืนมาเหมือนเดิมอย่างแน่นอน

ปริมาณน้ำมันดิบที่รั่วไหลออกจากท่อลำเลียงน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล นั้น ล่าสุดเผยตัวเลขว่ามีประมาณ 5 หมื่นลิตร ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกต่อประชาชนอย่างมาก เมื่อน้ำมันเหล่านั้นไปกองทับถมกันที่ชายหากเกาะเสม็ดจนดำเมี่ยม เป็นที่หวาดหวั่นกันว่า ระบบนิเวศอาจถูกทำลายและไม่สามารถฟื้นฟูได้ แต่ทว่าประเทศไทยไม่ใช่ประเทศแรกที่พบเจอเหตุการณ์ทำนองนี้ ด้วยมุมมองจากกรุงโตเกียว (View from Tokyo) ประเทศเจ้าประสบการณ์อย่างญี่ปุ่นน่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย

              ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.1974 ประมาณ 40ปีที่แล้ว ข่าวการรั่วไหลของคลังน้ำมันสำรองจากโรงกลั่นบริษัท Mitsubishi Sekiyu Ltd. สาขามิซึชิมะ เป็นเพียงข่าวหนึ่งท่ามกลางยุคสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นเสื่อมโทรม น้ำมันปริมาณถึง 80 ล้านลิตรได้ไหลลงสู่อ่าว “เซโตะ” ที่มีลักษณะปิด ล้อมรอบโดยเกาะฮอนชู ชิโคคุ และคิวชู ในพื้นที่น้ำเพียงเล็กน้อย แต่ถูกน้ำมันทะลักมากกว่าที่เกาะเสม็ดเจอถึง 1600 เท่า อ่าวเซโตะที่เคยเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำอันอุดมสมบูรณ์ถูกทำลายย่อยยับ

              อย่างไรก็ตาม พลังแห่งธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์คิด ในน้ำทะเลมีจุลินทรีย์มากมาย ซึ่งมีอยู่หลายสายพันธุ์ที่สามารถย่อยสลายคราบน้ำมันได้อย่างดี จุลินทรีย์เหล่านั้นต่างแพร่พันธุ์และบริโภคน้ำมันเป็นอาหารอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบปี อ่าวเซโตะได้กลับมาใสสะอาดและอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม

              เหตุการณ์น้ำมันรั่วที่เกาะเสม็ดเกิดขึ้นในยุคไฮเทคเช่นนี้ ประชาชนได้รับข่าวสารกันถ้วนหน้า ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจากเหตุการณ์ครั้งนี้ย่อมไม่นิ่งดูดาย หาทางแก้ไขและป้องกันไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเป็นแน่ แม้ว่าเกาะเสม็ดในขณะนี้ยังอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมจะรับนักท่องเที่ยวก็ตาม ผู้เขียนเชื่อว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เกาะเสม็ดจะกลับมางดงามดังเดิม และเหตุน้ำมันรั่วไหลจะไม่เกิดขึ้นง่ายๆเช่นนี้อีกต่อไป