K & S Associates

川島 & スワンモントリー アソシエイツ

วิเคราะห์สถานการณ์เครษฐกิจ สังคม และการเมืองเอเชียเป็นภาษาไทยด้วยมุมมองจากญี่ปุ่น สำหรับคนไทยโดยเฉพาะ

อนาคตของอาเบโนมิกส์ กับ Hedge Fund

    อาเบโนมิกส์ (Abenomics) คือแผนการบริหารประเทศของนายชินโซะอาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นประกอบด้วย 3หลักสำคัญ หลักประการแรกคือการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณดังที่ได้กล่าวไว้ในฉบับที่แล้ว (29 กรกฏาคม 2556) และได้ผลสำเร็จอย่างงดงามคือ เงินเยนที่อ่ออนค่าลงจาก 80เยนต่อดอลลาร์เป็น 100เยนต่อดอลลาร์ กับดัชนีหุ้นรวมขึ้นเป็น 14000 เยนเท่ากับเพิ่มขึ้น 70 เปอร์เซนต์จากวันปิกฉากรัฐบาลพรรค Democrat ที่แล้ว แต่ทว่า หลักประการที่สองและสาม คือ นโยบายการคลังแบบขยายตัว และลดการแทรกแซงตลาดโดยรัฐบาลนั้นจะไปได้สวยอย่างประการแรกหรือไม่

              ในฉบับนี้ขออนุญาตกล่าวถึงนโยบายการคลังแบบขยายตัวอักสักเล็กน้อย ทันทีที่อาเบะนั่งเก้าอี้ในรัฐสภาได้เริ่มต้นเสนอการจัดสรรงบประมาณมหาศาลเพื่อใช้จ่ายสำหรับเยียวยาเหตุการณ์ซึนามิ และสำหรับการป้องกันภัยทั่วประเทศ อันที่จริงนับเป็นเวลาที่ดีสำหรับข้ออ้างนี้เพื่อการหมุนเงินสู่ชนบทในการจ้างแรงงานก่อสร้างท้องถิ่น และเมื่อพรรค LDP (Liberal Democratic Party) กวาดเก้าอี้สมาชิกวุฒิสภาไม่นานมานี้ก็ได้เผยธาตุแท้อย่างชัดเจนในการหมุนเงินกลับสู่ชนบทสำหรับท่านที่อ่านฉบับก่อนๆคงทราบดีว่าไม่มีฝ่ายค้านมารังควานใจอีก

      อย่างไรก็ตามใช่ว่าจะไม่มีเรื่องใดต้องกังวลใจเสียเลยเพราะหนี้สาธารณะคงเหลือมาก็ทะลุ1พันล้านล้านเยนอยู่แล้ว หากยังโถมเงินใช้จ่ายอย่างไม่ยั้งคิดด้วยการแปะหนี้ไว้แล้วในอนาคตรัฐบาลอาเบะคงจะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดเป็นแน่ ผู้นำHedge Fund อัจฉริยะอย่างนายจอร์จ โซลอสเองก็ได้เตือนญี่ปุ่นว่าการกระทำที่มองการณ์ใกล้เช่นนี้คงจะไม่มีใครเชื่อว่าจะได้เงินกู้จากพันธบัตรรัฐบาลคืน อย่างน้อยตัวโซลอสเองก็ไม่เชื่อ บรรดานักลงทุนจึงเหมือนรอคอยวันที่พันธบัตรแตกสลาย แต่เหมือนฝันของรัฐบาลที่วันนั้นมาไม่ถึงจนบัดนี้ รัฐบาลอาเบะจึงยังเริงร่ากับการใช้จ่ายต่อไป เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่พอใจกับความสุขอันใกล้มากกว่าความทุกข์ที่ตามมา

              สถานการณ์แบบไม่เป็นการเข้าใกล้ “สังคมยั่งยืน” (sustainable state) ได้เลย ผู้เขียนคิดว่าพรรค LDP ที่เคียงคู่การเมืองมาตลอดนี้ ถึงเวลาเปลี่ยนพฤติกรรมการอุ้มสวัสดิการรัฐนี้ได้แล้ว แต่ทว่าควรจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดนั้น กล่าวในฉบับต่อไป