นางสาวยิ่งลักษณ์...ขาประจำขาดประชุม

ข่าวเรื่องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่ขาดประชุมสภาเป็นประจำนั้นเป็นที่กล่าวขานจนมาถึงหูคนญี่ปุ่นแล้วตอนนี้ ทำให้รู้สึกกันว่านายกหญิงคนนี้ถอดใจหรือเบื่อการบริหารบ้านเมืองเสียแล้วหรือเปล่า ฉบับนี้จึงขอวิเคราะห์สาเหตุว่าอะไรทำให้นายกหญิงฯคนแรกของไทยมีพฤติกรรมเช่นนี้

ผู้เขียนได้เปรียบเทียบอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรในฉบับที่ผ่านมาว่ามีบทบาทเหมือนกับนายทานากะคะคุเอ (อดีตนายกฯญี่ปุ่น) ทั้งคู่ยังได้ส่งท้ายทายาทการเมืองไว้เหมือนกันต่างหาก นายทานากะมีลูกสาวคนหนึ่งชื่อมาคิโกะซึ่งพยายามสืบต่อเจตนารมณ์ต่อจากพ่อ จึงถูกจับตามองว่าเธออาจเป็นนายกหญิงคนแรกของญี่ปุ่นก็เป็นได้ แต่ทว่าด้วยความอืดอาดและตัดสินใจไม่เป็นของเธอ ทำให้ผลงานในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศ (สมัยรัฐบาลโคอิซึมิ) ไม่เป็นที่พอใจ และแพ้การเลือกตั้งนายกฯในสมัยต่อมา แต่ทายาทการเมืองไทยอย่างน.ส.ยิ่งลักษณ์โผล่มารับตำแหน่งนายกฯโดยที่ไม่เคยมีประสบการณ์แม้การเป็นส.ส.หรือส.ว.มาก่อน นับเป็นการฉีกประเพณีของประเทศประชาธิปไตยอย่างมาก

สิ่งที่เหมือนกันในทายาทการเมืองหญิงทั้ง2คนนี้คือ การที่เกิดมาในยุคที่ตระกูลตนมั่งคั่งร่ำรวย อาศัยอิทธิพลของญาติในการใช้ชีวิตหรูหราอย่างซื้อของแบรนด์เนม หรือการทำหน้าสวยไปวันๆ นายกฯไทยคนนี้ก็คงมีชีวิตวัยสาวที่ไม่ต่างกัน ทำให้ไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งความรู้ความเข้าใจ ประสบการณ์ทำงาน และความฉับไวในการตอบปัญหา แตกต่างจากผู้นำประเทศอื่นที่เป็นผู้หญิงอย่างสิ้นเชิง

หากท่านผู้อ่านท่านใดจะคัดค้านก็ขอให้ดูนาง Angela Merkel (นายกฯเยอรมนีคนปัจจุบัน) หรือนาง Margaret Thatcher (อดีตฯนายกอังกฤษ) เป็นตัวอย่าง เพราะผู้นำหญิงทั้ง 2 คนนี้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมทั้งมันสมอง ร่างกาย และจรรยาบรรณ จนสร้างผลงานที่โดดเด่นกว่านายกฯชายหลายๆคน สาเหตุที่วีรสตรีอย่างนางอินทรา คานธี (บุตรสาวนายชวาหระลาล เนห์รู นายกฯคนแรกของอินเดีย)ที่อุทิศตน ได้ยืนหยัดปฎิรูปสังคมด้วยตำแหน่งนายกฯจนถูกลอบสังหารนั้นก็เพราะได้รับการปลูกฝังเป็นอย่างดีจากพ่อแม่เธอ

ภาพลักษณ์ตั้งแต่การหลั่งน้ำตาไปจนถึงการขาดประชุมสภานี้ แสดงให้เห็นแล้วว่าการจะเลือกใครเป็นผู้นำนั้นจะดูแต่เพียงหน้าตา นโยบายเอาใจที่เสนอ หรือเลือกด้วยความรักความชังไม่ได้